ตำรวจปิดคดีพร้อมจับกุม นิว ลูกจ้างเตะนายจ้างตาย เจ้าตัวเผยปมสังหารโหดนายจ้าง แค้นใจเรื่องงาน จ่ายค่าแรงล่าช้า รวมถึงเครียดสะสม เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมนาย นายจีระศักดิ์ หรือ นิว อายุ 20 ปี ลูกจ้างเตะนายจ้างตาย ก่อนนำศพไปหมกไว้ในป่าข้างทาง ทาง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยสภาพศพเหลือแต่กางเกงใน โดนเชือกพันธนาการ เมื่อช่วงวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น
ตำรวจได้สอบปากคำและร่วมแถลงปิดคดีลูกจ้างเตะนายจ้างตายคาเท้า
พร้อมของกลางที่ยึดมาได้เป็น รองเท้าหัวเหล็กที่เตะนายจ้างเสียชีวิต รวมถึงอุปกรณ์เครื่องช่างที่ชิงทรัพย์ไปหลังก่อเหตุ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง โดยสาเหตุมาจากความคับแค้นใจเรื่องทำงาน ประกอบกับค่าแรงที่ผู้ตายจ่ายล่าช้า อีกทั้งก่อนก่อเหตุ ผู้ต้องหาติดโควิดและต้องหยุดทำงานทำให้ไม่มีเงินในการใช้จ่าย อีกทั้งภรรยากำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน จึงเกิดความเครียดสะสม กระทั่งออกจากโรงพยาบาลที่ไปรักษาตัวเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงแวะซื้อสุรามาดื่มจนเมาได้ที่ตัดสินใจเดินทางมาหาผู้ตายที่ห้องพักเพื่อเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ
ด้วยความที่ผู้ต้องหาอารมณ์ร้อนพอเดินทางมาถึงจึงลงมือก่อเหตุด้วยการชกต่อยและเตะด้วยรองเท้าคอมแบทหัวเหล็กไปหลายครั้งจนเสียชีวิต หลังก่อเหตุกลัวความผิด จึงนำรถยนต์ของผู้ตายใส่ศพนำมาทิ้งข้างทาง จากนั้น จึงย้อนกลับมานำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่
สำหรับตัวผู้ต้องหาเตะนายจ้างตาย ได้วางแผนสร้างเรื่องราวทั้งหมดให้เปรียบเสมือนผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการนำโทรศัพท์ของผู้ตายโพสต์ข้อความได้งานใหม่ที่ จ.สงขลาและ จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งมีการโพสต์ขายรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของผู้ตาย กระทั่งสามารถขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้สำเร็จ
จากนั้นผู้ต้องหาจึงติดต่อภรรยาตัวเองรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุดังกล่าว ด้านภรรยาและมารดาจึงให้มอบตัวจนกระทั่งฝ่ายสืบสวนไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว หลังจากนี้จะขยายผลติดตามรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขายไปตามกลับคืนมา รวมถึงขยายผลผู้ที่รับซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย เนื่องจากทราบว่าเป็นขบวนการรับซื้อรถผิดกฎหมายและส่งขายต่างประเทศ
ตำรวจบุกช่วยเหลือ ชาวจีนถูกตัดนิ้วก้อย ขังซ้อมในบ้าน จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้าย เผยยังไม่ทราบสาเหตุลงมือตัดนิ้วสุดเหี้ยม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าช่วยเหลือ ชาวจีน อายุ 41 ปี ที่ถูกขังภายในบ้าน จ.หนองปรือ อ.บางละมุง หลังจากที่คนร้ายได้การลักพาตัวชาวจีนมาจากพัทยา
จากการตรวจสอบพบว่าชาวจีนคนดังกล่าว ถูกซ้อม ถูกทำร้ายร่างกายหลายแห่ง และยังพบว่านิ้วก้อยชาวจีนถูกขาดอีกด้วย เบื้องต้นยังไม่พบคนร้าย แต่พบรถของคนร้ายที่จอดอยู่ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำมาบประชัน โดยทางตำรวจจะเร่งเก็บหลักฐานโดยไว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับชายจีนถูกตัดนิ้วก้อย โดยหลังลักพาตัวมาจากพัทยาก่อนนำตัวไปขังที่บ้านหลังหนึ่งใน พื้นที่ต.ห้วยใหญ่ ก่อนจะพาตัวมายังบ้านหลังนี้ ทั้งนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดว่าสาเหตุของการลักพาตัวครั้งนี้มาจากอะไร รวมไปถึงอะไรทำให้ชาวจีนถูกตัดนิ้วก้อยด้วย
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะรอให้คนเจ็บอาการดีขึ้น แล้วค่อยทำการสอบปากคำ เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ธนาคารออมสิน เปิดตัวแอปฯ CoachAom ตัวช่วยวางแผนการเงิน
ธนาคารออมสิน เปิดตัว CoachAom หรือ โค้ชมออม ตัวช่วยในการวางแผนการเงิน ให้จำนวนเงินตามเป้า วางแผนได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว กระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความลงเพจเฟซบุ๊กว่าธนาคารออมสินเปิดตัวแอปฯ CoachAom หรือ โค้ชออม แอปช่วยเหลือประชาชนให้วางแผนการใช้เงินและออมเงิน โดยสามารถวางแผนได้ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว
ทางกระทรวงการคลังระบุว่า “นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดตัว “Application “CoachAom โค้ชออม”
ในงานวันออมแห่งชาติ ซึ่งเป็นบริการใหม่จากธนาคารออมสิน ที่รวบรวมความรู้ด้านเทคนิคการออม การลงทุน ช่วยวางแผนการออมให้ผู้ใช้แอปสามารถทดลองคำนวณปริมาณเงินออมตามเป้าหมายต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
และยังสามารถปรับแผนการออมเมื่อผลลัพธ์การคำนวณพบว่าปริมาณเงินออมยังไม่เพียงพอ ด้วยเครื่องมือนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้แอปได้เรียนรู้และทราบถึงสถานะการออมของตนเองอย่างง่าย ๆ และสามารถนำไปปรับใช้วางแผนการออม
ทั้งที่เป็นเป้าหมายการออมระยะสั้น หรือการออมระยะยาวเพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณ (Sufficient Retirement Saving) ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Android สามารถดาวน์โหลดแล ะทดลองใช้แอปพลิเคชั่น “CoachAom โค้ชออม” ฟรี ได้แล้วที่ Google Play Store และ iOS ภายในเดือนธันวาคม 2565 นี้ ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565″
อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการในระยะสั้น และถ้าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลยังคงใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกหลักในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยในการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ ส่งผลให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น